ข้าวแช่ตำรับเรือนนพเก้า

ข้าวแช่ที่มีเพียงปีละ 1 ครั้งในข่วงหน้าร้อน 

ข้าวแช่ที่สาวกข้าวแช่ทุกคนต้องถามถึง

สำหรับปี 2566 เปิดให้ทานกันในวันที่ 15 มีนาคม – 15 พฤษภาคม 2566 เพียง 2 เดือนเท่านั้น

ข้าวแช่ เป็นอาหารไทยโบราณ ที่นำข้าวสุกขัดมาแช่น้ำลอยดอกไม้ กินกับเครื่องกับข้าวต่างๆ เช่น ลูกกะปิ พริกหยวกสอดไส้ เนื้อเค็มฝอยผัดหวาน ฯลณ โดยมีผักและเครื่องเคียงต่างๆ มาแนม นิยมทานในช่วงฤดูร้อน เพื่อให้ทานแล้วเย็นชื่นใจ แต่เดิมเป็นอาหารของชาวมอญ ที่นิยมทำในช่วงสงกรานต์ ข้าวแช่มีหลายตำรับ ทั้งแบบทั่วไปและแบบชาววัง หนึ่งในความเป็นมาของตำรับชาววัง คือ เจ้าจอมมารดากลิ่น ที่มีเชื้อสายมอญ ได้ถ่ายทอดวิชาการทำข้าวแช่ให้แก่ห้องเครื่องและประชาชนในช่วงที่ตามไปถวายราชการที่ จ.เพชรบุรี ทำให้เมนูข้าวแช่นั้นแพร่หลาย และได้รับความนิยมต่อมา

สำหรับข้าวแช่ตำรับเรือนนพเก้า นั้น เราอยากชวนทุกคนให้ได้มาลิ้มรสสำรับข้าวแช่แบบต้นตำรับ จากวัตถุดิบชั้นเลิศ ที่คัดสรรอย่างพิถีพิถัน จากแหล่งที่ดีที่สุด เสิร์ฟในชุดจานเบญจรงค์ลายนกยูง ซึ่งแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ และความโชคดี โดยช่างเขียนชั้นบรมครูของการทำเครื่องเบญจรงค์จากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ในปี 2566 นี้ สำรับข้าวแช่เรือนนพเก้า ได้รังสรรค์เป็น 4 คอร์ส คือ

1. แตงโมหน้าปลาแห้ง 

แตงโมแช่เย็น เสิร์ฟพร้อมกับ ปลาแห้ง ที่ทำจากปลาช่อนแดดเดียวจากจังหวัดสิงห์บุรี นำมาย่างด้วยเตาถ่าน และโขลกให้ฟู หลังจากนั้น นำมาผัดจนแห้ง ปรุงรสด้วยน้ำตาลดอกมะพร้าวจากจังหวัดสมุทรสงคราม ดอกเกลือ หอมแดงเจียว 

2. ข้าวแช่และเครื่องเคียง 7 ชนิด 

ข้าวแช่ ใช้ข้าวเสาไห้เก่า นำมาล้างน้ำสะอาด และแกว่งสารส้มจนใส ก่อนนำมาต้มในหม้อดินเผาจนเมล็ดข้าวบาน นำมาล้างน้ำให้เย็น และหลังไว้ให้สะเด็ดน้ำให้แห้งแล้ว นำไปนึ่งอีก 3 รอบ แล้วผึ่งให้แห้ง หลังจากนั้นนำมาอบด้วยดอกไม้สดอีก 4 ชนิดแล้วตามด้วยเทียนอบอีก 1 คืน

น้ำข้าวแช่ ปีนี้ ใช้แหล่งน้ำแร่จากอำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี ที่เป็นแหล่งน้ำแร่ที่มีอายุเก่าแก่มากกว่า 26,000 ปี นำมาฆ่าเชื้อด้วยการต้มในอุณหภูมิ 100 องศาเซียสเซล เป็นเวลา 15 นาที และทิ้งไว้ให้เย็นในโอ่งดินเผาเป็นเวลา 1 คืน หลังจากนั้นนำมาลอยด้วยดอกไม้หอม 4 ชนิด คือ กุหลาบมอญ ชมนาด กระดังงาสงขลา และมะลิ ในโอ่งดินเผาอีก 1 คืน และตามด้วยอบควันเทียน

เครื่องเคียง 7 อย่าง ประกอบด้วย ลูกกะปิ หอมแดงสอดไส้ปลาแห้ง ไข่เค็มชุบแป้งทอด พริกหยวกสอดไส้ หมูฝอย ปลาช่อนแดดเดียวผัดหวาน หัวไชโป๊วหอมผัดน้ำมันหมู และแนมด้วยผักสด ประกอบด้วย มะม่วงเปรี้ยว ต้นหอม กระชาย แตงกวา

3. ส้มฉุนมะยงชิด 

เมนูคลายร้อนยอดฮิตของคนไทยในอดีต ปีนี้ ทางร้านใช้มะยงชิดจากจังหวัดนครนายก มารังสรรค์เป็นเมนูสำหรับร้านเรือนนพเก้า ซึ่งจะรับประทานได้ในช่วงนี้เท่านั้น

4. อาลัวสด 

ที่เชฟปิ๊กบีบเองกับมือทุกดอก โดยนำอาลัวมาประยุกต์ให้ร่วมสมัยมากยิ่งขึ้น พร้อมบีบเป็นรูปทรงที่สวยงาม ปีนี้เป็นรูปดอกบัวหลวงเป็นสัญลักษณ์แห่งความกตัญญูรู้คุณ

ทั้งหมดนี้เพียง 999++ สำหรับทานที่ร้าน เสิร์ฟวันละ 20 สำรับเท่านั้น (ไม่รับ walk-in)

ถ้าใครไม่สะดวกมาทานที่ร้าน ก็ยังมีสำรับข้าวแช่ในตะกร้าสวยงาม พร้อมขนมทองโบราณ ชุดละ ๑,๙๙๙ บาท (สำหรับ ๒ ท่าน)

นอกจากข้าวแช่แล้ว ทางร้านเรือนนพเก้า ก็ยังมีอาหารไทยอื่นๆ ให้ได้ลิ้มรสอีกมากมาย จุดเด่นของร้านนี้ คือเป็นร้านอาหารไทยที่นำเอกลักษณ์วัฒนธรรมการทานอาหารแบบไทยโบราณไว้อย่างครบครัน ยกมาอยู่ในร้านที่ตกแต่งในสไตล์โมเดิร์นแต่สบายตา

ที่ร้านเรือนนพเก้า มี เชฟปิ๊ก – คณิน สินพันธ์ คอยดูแลอาหารต่างๆ ให้กับพวกเราในตำแหน่ง Chef Manager ซึ่งพอได้ฟังเรื่องราว เรื่องเล่าเกี่ยวกับอาหาร รวมถึงพูดคุยในมุมที่เกี่ยวข้องกับอาหาร ความชอบและความเป็นไทยแล้ว เราสัมผัสได้จริงๆ ว่าเชฟปิ๊กนั้นทำสิ่งนี้ด้วยความชอบและใจรักมากๆ

เชฟปิ๊กเรียนเกี่ยวกับการทำอาหาร และเรื่องเกี่ยวกับอาหารมาโดยตรง ทำให้มีความรู้เกี่ยวกับอาหารทั้งทางด้านวิทยาศาสตร์ และจากตำหรับตำราต่างๆ มากมาย ที่ได้ศึกษาตามความสนใจ โดยโฟกัสที่ อาหารไทย รวมถึงได้รางวัลชนะเลิศ เหรียญทอง อันดับ 1 ประเภทอาหารไทยโบราณ จาก Thailand’s International Culinary Cup 2017-2018 ด้วย

สำรองที่นั่งได้ที่ ร้าน เรือนนพเก้า สาทร ซ. 6
📞 02 116 3317
💌 ruennoppagao@gourmethouse.co.th

#เจอนั่นJourney x #เรือนนพเก้า #ข้าวแช่ #ข้าวแช่ตำรับเรือนนพเก้า #KhaoChae